บาคาร่าออนไลน์
บาคาร่า (Baccarat) เป็นเกมไพ่อันดับ 1 ในคาสิโนออนไลน์ และเป็นเกมไพ่ที่คนไทยเล่นในคาสิโนออนไลน์มากที่สุดเช่นกัน ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะบาคาร่ามีวิธีนับแต้มไพ่ที่เหมือนกับเกมไพ่ป๊อกเด้งที่บ้านเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี บาคาร่าออนไลน์ เป็นเกมที่ผู้เล่นหน้าใหม่เลือกเล่น เมื่อเริ่มเดิมพันออนไลน์ เพราะเป็นเกมที่รู้ผลเร็วและเล่นง่าย ผู้เล่นใหม่สามารถเข้าใจรูปแบบการเล่นได้ภายในตาแรกที่เดิมพัน
วิธีการเล่นบาคาร่า ขั้นพื้นฐานเลยก็คือ การแทงว่าไพ่ฝั่ง เจ้ามือ(Banker) หรือ ผู้เล่น(Player) ใครจะมีแต้มสูงกว่ากัน ถ้าทายถูกจะได้รับเงินที่ 1 เท่าของเงินที่ลงไป หรือจะเลือกแทงแบบเสี่ยงและโอกาสออกน้อยอย่าง เสมอ(TIE) ไพ่คู่ ซึ่งมีอัตราการจ่ายที่สูง
ประวัติบาคาร่า
บาคาร่าเป็นเกมไพ่ที่เปิดให้นักเดิมพันได้เล่นในบ่อนคาสิโนชื่อดัง อย่าง ลาสเวกัส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ทำให้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกและได้รับความนิยมมายังแถบเอเชียจนเป็นเกมไพ่ที่คนเล่นกันมากที่สุด แต่ก่อนหน้านั้น บาคาร่ามีต้นกำเนิดที่ประเทศอิตาลี ในสมัยศตวรรษที่ 15 และที่มาของชื่อ “Baccarat” เนื่องจากเกมไพ่บาคาร่า มีไพ่ที่มีแต้ม 0 จำนวนมาก ประกอบด้วย 10 J Q และ K ซึ่ง Baccarat แปลว่า 0 นั่นเอง
วิธีการเล่นบาคาร่าออนไลน์
ไพ่บาคาร่ามีวิธีการเล่นโดยเป็นการนับแต้มไพ่กันระหว่าง “เจ้ามือ” ในคาสิโนออนไลน์จะเรียกว่า Banker(ฝั่งสีแดง) และ “ผู้เล่น” ในคาสิโนออนไลน์จะเรียกว่า Player(ฝั่งสีน้ำเงิน) เกมจะเริ่มด้วยการที่ดีลเลอร์(คนแจกไพ่) ทำการแจากไพ่ให้ทั้งฝั่ง ฝั่งละ 2 ใบ แต่ละฝั่งจะมีเงื่อนไขในการได้รับไพ่ใบที่ 3 แต้มไพ่ในบาคาร่า จะเหมือนการนับแต้มไพ่ของป๊อกเด้ง คือ 9 เป็นแต้มสูงสุด การนับแต้มไพ่ทั้งหมดของบาคาร่าจะนับตามนี้ A = 1 แต้ม 2-9 = มีแต้มเท่ากับเลขบนไพ่ 10 J Q K = 0 แต้ม
ในส่วนของการเดิมพัน ผู้เล่นทุกคนในโต๊ะหรือห้องบาคาร่านั้น จะมีเวลาในการเลือกเดิมพันประมาณ 40 วินาที ก่อนที่เริ่มแจกไพ่ในแต่ละตา ตัวเลือกการเดิมพันหลักๆ จะมี 5 แบบ คือ เจ้ามือชนะ, ผู้เล่นชนะ, เสมอ, เจ้ามือไพ่คู่ และ ผู้เล่นไพ่คู่ แต่ตัวเลือกในการเดิมพันของบางคาสิโนออนไลน์จะมีมากกว่านี้ ซึ่งแล้วแต่ทางคาสิโนแต่ละที่ ว่าจะเปิดการแทงแบบใหม่อีกหรือไม่
เงื่อนไขการจั่วไพ่ใบที่ 3 ของบาคาร่าออนไลน์
- เจ้ามือหรือผู้เล่น แต้มรวม 8-9 เรียกว่า แนเชอรัล เป็นแต้มสูงสุดในเกม
- ผู้เล่น แต้มไพ่รวม 6-7 ให้อยู่ (still) ไม่ได้รับการจั่วไพ่ ส่วนเจ้ามือจะมีเงื่อนไข ดังนี้
– เจ้ามือ แต้มไพ่รวม 6-7 ให้อยู่ (still) ไม่ได้จั่วไพ่เพิ่มเช่นกัน
– เจ้ามือ แต้มไพ่รวม 0-5 จะได้จั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ
- ผู้เล่น แต้มไพ่รวม 0-5 จะได้จั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ ส่วนเจ้ามือจะได้ไพ่เพิ่มตามเงื่อนไข ดังนี้
– เจ้ามือ แต้มไพ่รวม 0-2 จะได้จั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ
– เจ้ามือ แต้มไพ่รวม 3 จะได้จั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ หากใบที่ 3 ของผู้เล่นไม่ใช่ 8
– เจ้ามือ แต้มไพ่รวม 4 จะได้จั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ หากใบที่ 3 ของผู้เล่นอยู่ระหว่าง 2 ถึง 7
– เจ้ามือ แต้มไพ่รวม 5 จะได้จั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ หากใบที่ 3 ของผู้เล่นอยู่ระหว่าง 4 ถึง 7
– เจ้ามือ แต้มไพ่รวม 6 จะได้จั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ หากใบที่ 3 ของผู้เล่นอยู่ระหว่าง 6 ถึง 7
– เจ้ามือ แต้มไพ่รวม 7 จะไม่ได้จั่วไพ่เพิ่ม
การเดิมพันและอัตราการเดิมพัน
การเดิมพันหลักและนิยมเล่นกันมากที่สุดในเกมบาคาร่า คือ การทายว่าใครจะชนะ ระหว่าง เจ้ามือ(Banker) หรือ ผู้เล่น(Player) การเดิมพันทั้งหมดในเกมบาคาร่า มีดังนี้
อัตราการเดิมพัน
- ผู้เล่นชนะ(Player Win) : อัตราการจ่าย 1:1
- เจ้ามือชนะ(Banker Win) : อัตราการจ่าย 1:0.95
- เสมอ(TIE) : อัตราการจ่าย 1:8
- ผู้เล่นไพ่คู่(Player Pair) : อัตราการจ่าย 1:11
- เจ้ามือไพ่คู่(Banker Pair) : อัตราการจ่าย 1:11
อัตราการได้เปรียบของคาสิโน(House Edge)
ค่า House Edge คือ ค่าของเกมคาสิโนและรูปแบบการเดิมพันแบบต่างที่ถูกเก็บสถิติมาตั้งแต่มีการเล่นพนันผ่านคาสิโน ค่า House Edge จะเป็นตัวบอกว่าเกมพนันแต่ละแบบคาสิโนได้เปรียบที่กี่เปอร์เซ็นต์ และจาก ค่า House Edge บาคาร่า คือเกมพนันที่คาสิโนได้เปรียบผู้เล่นน้อยที่สุด และการเดิมพันที่คาสิโนได้เปรียบผู้เล่นน้อยที่สุดก็คือการแทง “เจ้ามือชนะ”
ค่า House Edge ในการเดิมพันแบบต่างๆ ของเกมบาคาร่า
– ผู้เล่นชนะ : คาสิโนได้เปรียบ 1.2351%
– เจ้ามือชนะ : คาสิโนได้เปรียบ 1.0579%
– เสมอ : คาสิโนได้เปรียบ 14.3596%
– เจ้ามือไพ่คู่ : คาสิโนได้เปรียบ 10.3614%
– ผู้เล่นไพ่คู่ : คาสิโนได้เปรียบ 10.3614%
จาสถิติเกมพนันที่ผู้เล่นจะเสียเปรียบคาสิโนน้อยที่สุดก็คือ “บาคาร่า” และการเดิมพันที่ผู้เล่นเสียเปรียบคาสิโนน้อยที่สุด 2 รูปแบบ คือ “การแทงเจ้ามือชนะ” และ “การแทงผู้เล่นชนะ” ตามลำดับ