แบล็คแจ็คออนไลน์
แบล็คเเจ็ค ออนไลน์ (Online Blackjack) หรือ เกมไพ่ 21 ที่ฝรั่งเรียกกัน เพราะรูปแบบการเล่นคือการรวมแต้มไพ่ให้ได้ 21 แบล็คแจ็คเป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมมากในต่างประเทศทั้งในคาสิโนและเล่นกันเองสนุกๆ ยามว่าง
ปัจจุบันเกมไพ่แบล็คแจ็คไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมแค่แถบยุโรปและอเมริกาเท่านั้น เพราะปัจจุบัน แบล็คแจ็คสามารถเล่นผ่านคาสิโนออนไลน์ได้ ทำให้ผู้เล่นในแถบบ้านเราและแถบเอเชียเล่นกันมากขึ้น เมื่อได้ทดลองเล่น
วิธีเล่นแบล็คแจ็คออนไลน์
- ดีลเลอร์(เจ้ามือ)จะแจกไพ่ให้ผู้เล่นคนละ 2 ใบ โดยไพ่ของเจ้ามือจะเป็นไพ่จะหงาย 1 ใบ และคว่ำ 1 ใบ ส่วนไพ่ของผู้เล่นจะเป็นไพ่หงายทั้ง 2 ใบ ในกรณีที่เจ้ามือได้ไพ่ A (ไพ่ที่หงายใบแรก) ผู้เล่นมีสิทธิ์ทำประกัน หรือ Insurance***
- ผู้เล่นรวมแต้มไพ่ให้ได้ใกล้เคียง 21 โดยมีสิทธิ์เรียกไพ่เพิ่มรอบละ 1 ใบ วนตามตำแหน่งตามเข็มนาฬิกา และเรียกไพ่เพิ่มได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จนกว่าแต้มไพ่จะเกิน 21 ถือเป็น ‘ไพ่บอด’ และจะเสียเงินที่เดิมพันไว้ทันที
การนับแต้มไพ่แบล็คแจ็ค
A = 1 หรือ 11 แต้มก็ได้
2-9 มีแต้มเท่าเลขบนหน้าไพ่
10 J Q K = 10 แต้ม
อัตราการจ่ายเงินเดิมพันสำหรับแบล็คเเจ็คออนไลน์
- ชนะด้วยแต้มปกติ อัตราการจ่าย 1:1
- ชนะด้วยแบล็คแจ็ค(ได้ 21 แต้ม) อัตราการจ่าย 3:2
คำศัพท์ของแบล็คแจ็ค
Blackjack (แบล็คแจ็ค) : การรวมแต้มไพ่ได้ 21 จากไพ่ 2 ใบแรกเท่านั้น
Hit : การเรียกไพ่เพิ่ม
Stand : การ ‘อยู่’ ไม่เรียกไพ่เพิ่ม
Double down : เป็นการลงเดิมพันเพิ่มอีก 1 เท่า ตามกติกา ผู้เล่นที่เลือกเล่น Double down จะได้รับไพ่เพิ่มอีก 1 ใบและนับแต้มทันทีจากไพ่ 3 ใบนั้น
Split : เมื่อผู้เล่นได้ไพ่คู่ เช่น 3 3 หรือ J J ดีลเลอร์จากถามว่าต้องจะ Split หรือไม่? การทำ Split คือการแยกไพ่ที่มีเลขเดียวออกเป็น 2 กอง และได้รับไพ่เพิ่ม 2 ใบ เพื่อนำไปรวมกับไพ่ที่แยกเป็น 2 กอง อย่างละใบ และในตานั้นผู้เล่นจะได้ลุ้นไพ่ 2 กอง
Surrender : การหมอบหรือการยอมแพ้ โดยจะเสียเงินครึ่งหนึ่งที่ลงเดิมพันไว้
Insurance*** : คือการทำประกัน เมื่อเจ้ามือได้ไพ่ A ของไพ่ที่หงายในใบแรก ถ้าผู้เล่นเลือกทำประกันไว้ เมื่อเจ้ามือได้แบล็คแจ็ค (แต้มไพ่= 21) ผู้เล่นที่ทำประกันเอาไว้จะได้รับเงินจำนวน 2 เท่าของเงินที่ลงไว้ แต่ถ้าเจ้ามือไม่ได้แบล็คแจ็ค ผู้เล่นจะเสียเงินที่ลงไว้ทันที
วิธีเล่นแบล็คแจ็คออนไลน์ให้ได้เงิน
แบล็คแจ็คมีเทคนิค การเรียกไพ่และการอยู่ โดยเซียนแบล็คแจ็คที่ใช้กัน ดังนี้
– ไพ่ 2 ใบแรกรวมแต้มได้ 17, 18, 19, 20 : ให้ ‘อยู่’ (stand) ไม่รียกไพ่เพิ่ม
– ไพ่ 2 ใบแรกรวมแต้มได้ 16 แต้ม : เจ้ามือมี(ไพ่ที่หงาย) 2, 3, 4, 5, 6 ให้ ‘อยู่’ ไม่เรียกไพ่เพิ่ม / เจ้ามือมีไพ่ 7 และ 8 ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ / เจ้ามือมี 9 , 10 และ A ให้หมอบ ยอมเสียเงินที่ลงไว้ครึ่งหนึ่ง
– ไพ่ 2 ใบแรกรวมแต้มได้ 15 แต้ม : เจ้ามือมีไพ่ 2, 3, 4, 5, 6 ให้ ‘อยู่’ ไม่เรียกไพ่เพิ่ม / เจ้ามือมีไพ่ 7 , 8 , 9 และ A ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ / เจ้ามือมีไพ่ 10 ให้หมอบ ยอมเสียเงินที่ลงไว้ครึ่งหนึ่ง
– ไพ่ 2 ใบแรกรวมแต้มได้ 13 และ 14 แต้ม : เจ้ามือมีไพ่ 2, 3, 4, 5, 6 ให้ ‘อยู่’ ไม่เรียกไพ่เพิ่ม / เจ้ามือมีไพ่ 7 , 8 , 9 , 10 และ A ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ
– ไพ่ 2 ใบแรกแต้มได้ 12 แต้ม : เจ้ามือมีไพ่ 4, 5, 6 ให้ ‘อยู่’ ไม่เรียกไพ่เพิ่ม / เจ้ามือมีไพ่ 2, 3, 7, 8, 9, 10 และ A ให้เรียกไพ่เพิ่ม 1 ใบ
– ไพ่ 2 ใบแรกรวมแต้มได้ 11 แต้ม : หรือแต้มน้อยกว่านี้ ให้เรียกไพ่เพิ่ม
เทคนิคการเล่นลักษณะนี้เป็นเทคนิคขั้นพื้นฐานในการตัดสินของเซียนแบล็คแจ็ค ที่มองว่าเหมาะสม แต่ผู้เล่นจะตัดสินใจเล่นนอกเหนือจากนี้ก็ได้ แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงได้ เพราะทุุกครั้งที่เรียกไพ่เพิ่ม จะมีโอกาสที่แต้มไพ่จะเกิน 21